มท. และ อว. สานพลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมระดับพื้นที่ โดย สกสว.และภาคีเครือข่ายร่วมสนับสนุนงานวิชาการและนวัตกรรม มุ่งลดภัย ลดเสี่ยง พร้อมมีมาตราการสร้างรายได้เสริม ด้านประธานแผนงานเป้าหมายสำคัญด้านน้ำชี้สถานการณ์น้ำของไทยปีนี้แนวโน้มจะมีฝนมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ชุมชนและท้องถิ่นในพื้นที่ควรเตรียมการดูแลภัยธรรมชาติอย่างมีข้อมูลและมีส่วนร่วม
วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ศ. ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายชยชัย แสงอินทร์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าว “การแก้ไขปัญหาน้ำมั่นคง น้ำแล้ง น้ำท่วมระดับพื้นที่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 14 สกสว. พร้อมเป็นประธานการประชุมคณะทำงานการขับเคลื่อนการดำเนินการความร่วมมือแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่
ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ในวันนี้การประชุมคณะทำงานความร่วมมือการขับเคลื่อนการดำเนินการความร่วมมือแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวง อว. และ สกสว. ร่วมกันเป็นครั้งแรก เพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำระดับพื้นที่และจังหวัด การขับเคลื่อนแผน รวมถึงการเลือกพื้นที่นำร่อง และติดตามประเมินผลในระยะต่าง ๆ เพื่อให้สามารถผลักดันการแก้ไขปัญหาน้ำในระดับพื้นที่ได้ โดยอว.พร้อมให้ความร่วมมือทางวิชาการอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ ทั้งการวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการน้ำมาโดยตลอด ทั้งในระดับมหาวิทยาลัย และหน่วยงานให้ทุน รวมถึงหน่วยงานที่มีพันธกิจด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่องทั้งในและนอกกระทรวง อว. เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของกระทรวงมหาดไทย สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานปลัดกระทรวง อว. รวมถึงการผลักดันการนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเชิงพื้นที่ให้ได้ผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด ตลอดจนการสนับสนุนเครือข่ายมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาน้ำในระดับพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น ตามนโยบายของท่านรองนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกุล ที่ต้องการให้ “ววน. เป็นเครื่องมือแก้จน” ให้คนไทยมีน้ำกินน้ำใช้อย่างเพียงพอ และเป็นต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “อว.เพื่อประชาชน” ของกระทรวง อว. อย่างแท้จริง
ด้านผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทย และแผนงานรองรับ ว่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานเชิงรุกและการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำและการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในปี 2568 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อประชาชนในทุกภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับกระทรวง อว. ในการเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อเฝ้าระวังและรับมือภัยแล้ง อุทกภัย ให้กับบุคลากรของกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรเข้าถึงข้อมูลจากระบบคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ สนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเข้าถึงข้อมูลดาวเทียม ข้อมูลภูมิสารสนเทศ รวมถึงระบบเพื่อการตัดสินใจวางแผนงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยเชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนการดำเนินการความร่วมมือแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวง อว. และ สกสว. จะประสบความสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ โดยที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งจากกระทรวง อว.มาตลอด จากนี้ไปจะยิ่งขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยนำองค์ความรู้ งานวิจับและนวัตกรรมที่มีอยู่มาใช้ หวังว่าจะเกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่
ขณะที่ ศ. ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายอย่างมาก สกสว.จึงจัดงานแถลงข่าวขึ้นเพื่อรายงานความคืบหน้าในการเตรียมการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทย และแผนงานรองรับ รวมทั้งการสนับสนุนด้านนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ของกระทรวง อว. โดย สกสว. จะเป็นโซ่ข้อกลางประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนงานงานวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. เรื่อง “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง ใน 10 จังหวัด” ในปีงบประมาณ 2568 โดยมีสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นหน่วยขับเคลื่อน
สำหรับสถานการณ์และการคาดการณ์สถานการณ์น้ำของประเทศไทยในปัจจุบัน รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ เลขานุการคณะทำงานการขับเคลื่อนการดำเนินการความร่วมมือแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ และผู้อำนวยการแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ระบุว่า จากการคาดการณ์รายฤดู แนวโน้มปีนี้จะมีฝนมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในพี้นที่ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ส่วนช่วงเดือนกรกฏาคม จะมีฝนมากในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ และในช่วงเดือนสิงหาคม ฝนมากในภาคกลางและใต้ และช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมในภาคใต้ นอกจากมาตรการรับมือทั้ง 9 ที่ สทนช.กำหนดแล้ว ทางชุมชนและท้องถิ่นในพื้นที่ควรเตรียมการดูแลภัยธรรมชาติอย่างมีข้อมูลและมีส่วนร่วม ขณะที่จังหวัดต้องมีแผนบูรณการเพื่อการจัดการน้ำอย่างมีเป้าหมาย โดย อว.จะช่วยสนับสนุนด้านวิชาการ ข้อมูล รวมทั้งวางแผนการจัดการน้ำในเขตเมืองและจัดทำแผนบูรณการน้ำของจังหวัด ให้ลดภัย ลดเสี่ยง พร้อมมีมาตราการสร้างรายได้เสริมโดยใช้นวัตกรรมเข้าช่วย ทั้งนี้ ทีมวิจัยจะทำพิมพ์เขียวเพื่อชี้เป้าปัญหา และติดตามงานเพื่อนำเสนอคณะทำงานฯ ทุก 3 เดือน โดยมีโครงการนำร่อง เช่น ระบบป้องกันน้ำท่วมในเขตเมือง สร้างฝายขนาดเล็กและทำแปลงผักในช่วงฤดูแล้งเพื่อเป็นรายได้เสริม ประมาณ 100 โครงการ ในระยะเวลา 2 ปี
เผยแพร่ข่าว : นางสาวเยาวลักษณ์ ทับช้างโท
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3700
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
Call Center 1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.