เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้การต้อนรับ Mr.Yu Yunfeng ผู้อำนวยการศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ (CLEC) สำนักงานใหญ่ กรุงปักกิ่ง และคณะ เพื่อหารือการส่งเสริมการศึกษาภาษาไทย - จีน ณ ห้องประชุม 3B ชั้น 3 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว.
พญ.เพชรดาว กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสานต่อและยกระดับความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและแน่นแฟ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานภายใต้กรอบความร่วมมือกับ CLEC ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความแลกเปลี่ยนด้านภาษาและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศมาอย่างยาวนาน ในปัจจุบัน อว. มีนโยบายมุ่งผลิตบัณฑิตที่มีทักษะตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และมีการผลักดันให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติโดยให้ความร่วมมือกับนานาประเทศในทุกมิติ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของการพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางในการศึกษาในภูมิภาค ความร่วมมือกับศูนย์ CLEC จึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาทักษะด้านภาษา การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
“กระทรวง อว. ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ CLEC ในการดำเนินโครงการความร่วมมือที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อระบบการศึกษาของประเทศไทย เช่น โครงการครูอาสาสมัครชาวจีน ที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนภาษาจีนในสถานศึกษาของไทย โดยดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2549 และได้จัดส่งอาสาสมัครชาวจีนมาปฏิบัติหน้าที่สอนภาษาจีนในสถานศึกษาทั่วประเทศรวมแล้วกว่า 20,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้ มีอาสาสมัครกว่า 2,400 คน ที่ได้รับการจัดสรรให้ปฏิบัติหน้าที่ในสถาบันอุดมศึกษาและโรงเรียนสาธิตในสังกัดกระทรวง อว. โครงการประกวดสุนทรพจน์และความรู้ภาษาจีนระดับอุดมศึกษา “สะพานสู่ภาษาจีน” ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพทางภาษาและความเข้าใจในภาษาจีน รวมถึงโครงการอบรมภาษาจีนแก่บุคลากรในสังกัดกระทรวง อว. เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรในการทำงานร่วมกับภาคีต่างประเทศ นอกจากนี้ ศูนย์ CLEC ยังมีแผนพัฒนากิจกรรมความร่วมมือกับกระทรวง อว. เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาภาษาจีนในประเทศไทย ผ่านการพัฒนาความร่วมมือด้านภาษาระหว่างมหาวิทยาลัยไทย–จีน และการดำเนินโครงการจีนศึกษาแบบใหม่ โดยสนับสนุนให้นักศึกษา ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อในสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย ทั้งหมดนี้ จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย – จีน ก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันอย่างแท้จริงต่อไป” ที่ปรึกษา รมว.อว. กล่าว
ด้าน Mr.Yu Yunfeng กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและจีนเดินทางมายาวนานกว่า 50 ปี และมีความมุ่งหวังอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมการพัฒนาในด้านการศึกษาและภาษาของทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยกระทรวง อว. มีภารกิจในการพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม ของประเทศไทย ซี่งประเทศจีนเองก็มุ่งหวังที่จะพัฒนาในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน จึงเห็นว่าการร่วมมือกันระหว่างทั้งสองประเทศ จะทำให้เราก้าวไปด้วยกันได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งภาษาเป็นพื้นฐานสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในหลาย ๆ ด้าน โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีการจัดสถาบันขงจื่อในประเทศไทยแล้ว 17 แห่ง ถือว่ามีจำนวนรวมเป็นอันดับที่ 2 ของทวีปเอเชีย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถือเป็นประเทศที่ได้รับการจัดสรรครู อาจารย์ และอาสาสมัครจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก สะท้อนถึงความร่วมมืออันแน่นแฟ้นและบทบาทสำคัญของประเทศไทยในฐานะพันธมิตรสำคัญด้านการศึกษาและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
“เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การร่วมมือกันของประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่ได้เป็นเพียงแต่เป็นการเพิ่มทักษะในด้านภาษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างวัฒนธรรมระหว่างกันและกันอีกด้วย” ผู้อำนวยการ CLEC กล่าว
ทำข่าว : นางสาวพรชิตา รุกขชาติ
ถ่ายภาพ : นายสุรกิจ แก้วมรกต
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3782
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.