เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการเพื่อส่งเสริมโครงการปฏิรูปการศึกษาในรูปแบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน เพื่อรองรับความต้องการของตลาดแรงงานและพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) กับสถาบันอุดมศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ 7 แห่ง โดยมี นายสมบัติ รุ่งรัศมี ผู้อำนวยการกองยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา (สป.อว.) เป็นผู้กล่าวรายงานการดำเนินงาน ณ ห้องกมลทิพย์ บอลรูม ห้อง 1 ชั้น 2 โรงแรม เดอะ สุโกศล
ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า ปัจจุบันสถาบันอุดมศึกษายังคงประสบปัญหาการผลิตบัณฑิตได้ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดงาน เนื่องจากปัจจัยที่หลากหลาย อาทิ การพลิกโฉมของเทคโนโลยี การขาดแคลนประชากรในวัยทำงาน วิธีคิดและค่านิยมของคนรุ่นใหม่ การแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น ตลอดจนปรากฏการณ์ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลกในปัจจุบัน และแนวโน้มความต้องการกำลังคนในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปมาก สป.อว. ตระหนักและพยายามที่จะเร่งรัดพัฒนาการอุดมศึกษาไทย อันเป็นกลไกหลักในการพัฒนาประเทศ ผ่านการส่งเสริม สนับสนุนการผลิตและพัฒนากำลังคนคุณภาพ ที่เน้นสมรรถนะผู้เรียนเป็นสำคัญ โดย สป.อว. มีนโยบายอย่างชัดเจนในการผนึกกำลังทุกภาคส่วน ทั้งสถาบันอุดมศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ในการร่วมจัดสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน หรือ CWIE เพื่อผลิตบัณฑิตคุณภาพที่ตอบสนองความต้องการของตลาดงาน ซึ่ง CWIE มีความสอดคล้องกับการจัดการศึกษาในรูปแบบ EEC Model Type A ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC กำลังดำเนินการกับสถาบันอุดมศึกษาและสถานประกอบการในเขตพื้นที่ EEC
การดำเนินงานโครงการปฏิรูปการศึกษาในรูปแบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานเพื่อรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในครั้งนี้ จึงเป็นการร่วมมือ รวมพลังของหน่วยงานภาครัฐ 2 หน่วยงาน สถาบันอุดมศึกษา 7 แห่ง และสถานประกอบการ 9 แห่ง ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ผลิตบัณฑิตที่มีศักยภาพและสมรรถนะสูง สามารถปฏิบัติงานได้จริง และตอบสนองต่อความต้องการของสถานประกอบการ โดยเฉพาะสถานประกอบการในเขตพื้นที่ EEC ที่ต้องการแรงงานคุณภาพจำนวนมากใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งในปีหน้าจะเป็นการขยายผลของโครงการ โดยการส่งเสริมศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาและเพิ่มจำนวนหลักสูตร ตามแนวทาง Demand Driven Education เป็น 2 เท่า และเพิ่มจำนวนนักศึกษา อีกกว่า 100 คน ซึ่งจะตอบโจทย์ของประเทศ เกิด Win-win-win Benefit ร่วมกันทุกฝ่าย
การประชุมในวันนี้ จึงเป็นวาระสำคัญอีกวาระหนึ่งของการแสดงความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาฝ่ายผลิตและสถานประกอบการฝ่ายผู้ใช้บัณฑิตที่จะร่วมมือกันผนึกกำลังผลักดัน และช่วยกันส่งเสริมการศึกษาในรูปแบบ Demand Driven Education ให้เจริญก้าวหน้า เข้มแข็งและยั่งยืน ผมจึงขอเชิญชวนให้สถาบันอุดมศึกษา และภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น
ด้าน นายสมบัติ กล่าวรายงานการดำเนินงานว่า สป.อว. ส่งเสริมการจัดการศึกษาในรูปแบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน หรือ CWIE ซึ่งสอดคล้องกับการจัดการศึกษาในรูปแบบ EEC Model Type A ของ EEC โดยการจัดการศึกษา ทั้ง 2 รูปแบบเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือ การผลิตบัณฑิตที่มีศักยภาพและสมรรถนะสูง สามารถปฏิบัติงานได้จริง ตอบสนองความต้องการของตลาดงาน โดยเฉพาะเขตพื้นที่ EEC ที่มีความต้องการกำลังคนระดับอุดมศึกษาจำนวนมากใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและเป็นพื้นที่การลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการพัฒนากำลังคนของประเทศและเขตพื้นที่ EEC สป.อว. จึงร่วมมือกับ EEC ดำเนินการปฏิรูปหลักสูตรการเรียนการสอนของสถาบันอุดมศึกษา ตามแนวทาง Demand Driven Education
การดำเนินงานโครงการปฏิรูปการศึกษาในรูปแบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานเพื่อรองรับความต้องการของตลาดแรงงาน ได้กำหนดกระบวนการดำเนินงานที่เรียกว่า Master Class โดยมีพี่เลี้ยง หรือ Mentor ที่เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการศึกษาในรูปแบบ CWIE และ EEC Model Type A และมีประสบการณ์ในการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับสถานประกอบการ ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับสถาบันอุดมศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานโครงการฯ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นมา สป.อว. ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคณะทำงานโครงการ ซึ่งมีผู้แทนจาก EEC, BOI และ ทปอ. ทั้ง 4 แห่ง ร่วมกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เป็นตัวกำหนดขอบเขตการดำเนินงานและสาขาวิชาที่เข้าร่วมโครงการ 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย
1) กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล
2) กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
3) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
4) กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์
5) กลุ่มอุตสาหกรรมระบบราง
6) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่และเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร
และ 7) กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
รวมทั้งร่วมกันคัดเลือกหลักสูตรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 7 หลักสูตร จาก 7 สถาบันอุดมศึกษา ได้แก่
1) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี)
2) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน)
3) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.สงขลานครินทร์)
4) มหาวิทยาลัยบูรพา (ม.บูรพา)
5) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรรณภูมิ)
6) มหาวิทยาลัยราภัฎราชนครินทร์ (มรภ.ราชนครินทร์)
7) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ม.ศรีนครินทรวิโรฒ)
โดยในการดำเนินงานโครงการในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถานประกอบการ 9 แห่ง ที่ร่วมพัฒนาหลักสูตรกับสถานประกอบการและรับนักศึกษารวม 44 คน เข้าปฏิบัติงานจริง รวม 6 เดือน ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้แก่
1) บริษัท เอสพีซีอินเตอร์พรินท์ จำกัด
2) บริษัท ซี ซี แอล (ประเทศไทย) จำกัด
3) บริษัท ทีเคเค คอร์ปปอเรชั่น จำกัด
4) บริษัท ดูคาติ (มอเตอร์) ประเทศไทย จำกัด
5) บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
6) บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน)
7) บุญสว่างฟาร์ม
8) บรรจงฟาร์ม
และ 9) บ.พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
ในเดือนสิงหาคมนี้ คณะทำงานจะลงพื้นที่ ณ สถานประกอบการทั้ง 9 แห่งดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ปฏิบัติงานจริงของนักศึกษาเพื่อประเมินผลการดำเนินงาน หลังจากนั้นจะมีการถอดบทเรียนและจัดทำโมเดลการจัดหลักสูตร CWIE และ EEC Model Type A และสรุปผลการดำเนินงานโครงการต่อไป
สำหรับในปีงบประมาณ 2566 สป.อว. มีแผนที่จะขยายผลการดำเนินงานโครงการ โดยการส่งเสริมศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาและเพิ่มจำนวนหลักสูตรตามแนวทาง Demand Driven Education เป็น 2 เท่า ตามกระบวนการ Master Class อย่างต่อเนื่อง และขยายผล Mentors กลุ่มใหม่ที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้สถาบันอุดมศึกษาที่เข้าร่วมโครงการแห่งใหม่ ได้เรียนรู้กระบวนการในการจัดหลักสูตรร่วมผลิตกับสถานประกอบการ รวมทั้งการเพิ่มระดับความเข้มข้นในการทำงานกับอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC ด้วยการดำเนินการร่วมกับ EEC Industrial Forum หรือ EIF เพื่อจัดการดำเนินการของหลักสูตรเป้าหมายให้มีความสามารถในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพตามความต้องการอย่างน้อย 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต 2) กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และ 3) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่และเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร และขยายผลไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือทางวิชาการอย่างยั่งยืน
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.