1 กรกฎาคม 2568 นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ผตร.อว.) และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการภายใต้โครงการสำคัญตามนโยบาย รมว.อว. “โครงการศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวช” ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ.นพ.ประเดิมชัย คงคำ ผู้ช่วยอธิการบดี พร้อมทีมคณะผู้วิจัยและนักพัฒนาโครงการ และ ผศ.ดร.ณัฐวุฒิ หนูไพโรจน์ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวช (AI for Mental Health Center : AIMET Center) รศ.พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ รองคณบดีฝ่ายนวัตกรรมแนวบูรณาการและเทคโนโลยีดิจิทัล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะ ให้การต้อนรับและร่วมนำเสนอผลการดำเนินโครงการ ณ ศูนย์ AIMET อาคารวิศวกรรมศาสตร์ 100 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
ในการนี้ ผตร.อว. ได้รับฟังผลการดำเนินงานโครงการ AIMET ซึ่งได้นำ Artificial Intelligence (AI) และ Cloud Technology มาสร้าง Platform แก้ไขปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต (Mental Health) และการวิเคราะห์สัญญาณการทำงานของสมองและระบบประสาท (Cognitive Health) เช่น เคสผู้มีภาวะบกพร่อง (Mind Cognitive Impairment: MCI) ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม และอัลไซเมอร์ ซึ่งมีจำนวนมากในขณะนี้ โดยปัจจุบัน AIMET มีนวัตกรรมครอบคลุม การบำบัด รักษา วิเคราะห์ความเสี่ยงจากสัญญาณ อาการ และระดับความรุนแรงของโรค จำนวน ๙ นวัตกรรม ดังนี้
1.Dmind Prescreening and Voicebot : Application ที่อาศัยกล้องโทรศัพท์มือถือและเสียงสัมภาษณ์ เพื่อคัดกรองและจำแนกเคสผู้ป่วยภาวะซึมเศร้าตามความรุนแรง ซึ่งมีความแม่นยำสูง โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสีเขียว สีเหลือง และสีแดง ช่วยให้ส่งต่อเคสไปยัง Platform อื่นๆ ตามความต้องการและจำเป็นของแต่ละเคส เช่น ส่งเคสกลุ่มสีแดงที่เป็นเคสรุนแรง อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ ให้เข้ารับบริการ สายด่วน 1323 ของกรมสุขภาพจิต ได้ทันท่วงที
2.Dmind Intelligence: Application รวบรวม/วิเคราะห์ข้อมูลจากเคส แสดงผลใบหน้า dashboard ซึ่งช่วยจิตแพทย์และนักบำบัดบริหารจัดการ/ติดตามข้อมูล follow-up case เช่น แยกประเภท/จำแนกปัญหาเคส (%) ว่าเป็นปัญหาครอบครัว การงาน ความรัก การเงิน การเรียน เป็นต้น
3.Dmind Chatbot: ตอบโต้พูดคุยกับเคส ด้วยคำถามปลายเปิดที่จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาบำบัดมืออาชีพใช้ในการคุย/ให้คำปรึกษา เพื่อหาแนวทางร่วมกันกับเคส ซึ่งเหมาะกับคนเหงา หรือผู้มีภาวะความเครียดและขาดครอบครัวหรือบุคคลแวดล้อมที่สามารถรับฟังปัญหาและเป็นที่ปรึกษา
4.CBT App: Application ที่นำแบบทดสอบ Cognitive Behavior Therapy (CBT) ซึ่งจิตแพทย์และนักจิตวิทยาบำบัด ใช้ทดสอบผู้ป่วยที่เดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาล มาใส่ไว้ในระบบดิจิทัล เพื่อให้สะดวกในการดึงข้อมูล ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อีกทั้งลดภาระของจิตแพทย์และนักจิตวิทยาบำบัดที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
5.Mindful Hub: Application จอง Booking Session บำบัด/ปรึกษา เพื่อลดความเครียดให้กับนิสิตแพทย์จุฬาและนิสิต/นักศึกษาโครงการแพทย์ชนบท 40 ศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าสามารถนำไปพัฒนาเป็นต้นแบบ Platform ใช้สำหรับการให้บริการเซสชั่นบำบัดในองค์กร/สายงานอาชีพที่มีความเครียด อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น
6.Auto Thai MOCA: เป็นระบบวิเคราะห์ความเสี่ยงของโรคทางสมองและระบบประสาทเป็นดิจิทัลแอปพลิเคชัน ทดสอบว่าเคสมีความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปสู่โรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ รวมถึงเคสที่มีอาการอยู่แล้วสามารถทราบว่าสมองและระบบประสาทความเสี่ยงที่จะมีอาการเสื่อมเพิ่มขึ้นหรือไม่
7.C2 fit: Application ประเมินสมรรถภาพสมองด้วยตนเองบนมือถือ สำหรับเคสปกติแต่มีอาการบ่งชี้ ในระยะเริ่มต้น สามารถรับการทดสอบเพื่อตรวจสภาวะสมอง เพื่อประเมินความเสี่ยง ช่วยชะลอและลดความรุนแรงของโรค
8.iExc Game: เป็นเกมส์ Interaction Exercise and Cognition ส่งเสริมการเพิ่มสมรรถนะทางกายและภาวการณ์รู้คิด (Innovationcorner) เพื่อผู้สูงอายุ เคยได้รับรางวัลเวทีนานาชาติระดับเหรียญทอง 3 รายการ
9.STEP Project: โครงการเพื่อฟื้นฟูบำบัดเคสที่เคยติดสารเสพติด โดยใช้เทคโนโลยี VR (Virtual Reality) จำลองสถานการณ์ ทดสอบสมองส่วนหน้า (Frontal Lobe) เพื่อลดโอกาสติดสารเสพติดซ้ำ
ในโอกาสนี้ ผตร.อว. ได้กล่าวขอบคุณการทำงานของคณาจารย์และทีมนักวิจัยของศูนย์ AIMET ซึ่งถือเป็นต้นแบบการทำงานร่วมกันและเป็นการทำงานในลักษณะสหสาขาวิชา(Multidisciplinary) ที่ไม่ใช่เพียงแค่การใช้ทรัพยากรและเครื่องมือร่วมกันอย่างในอดีต แต่รวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาในสังกัด อว. ตลอดจนพันธมิตรหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนการสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของสังคมไทย อีกทั้งเปิดโอกาสให้นิสิตชั้นปีที่ 4 ที่ต้องทำโครงการจบ (Capstone Project) เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนางานวิจัย ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากโจทย์ในชีวิตจริง และถือเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา โดยเฉพาะนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคมไทย โดยเห็นว่าควรพัฒนาต่อยอดเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในเชิงธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ ทั้งนี้ หากโครงการต้องการจะขอรับงบประมาณสนับสนุน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง สามารถยื่นข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับทุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ โดยเฉพาะหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) หรือทุนตามกรอบการวิจัยและนวัตกรรมสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพ ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นต้น
ข้อมูลข่าวโดย : กลุ่มตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เผยแพร่ข่าว : นางสาวพรชิตา รุกขชาติ
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3700
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
Call Center
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.