“ศ.ดร.ศุภชัย” ปลัด อว. เผยยุทธศาสตร์ใหม่กระทรวง อว. เตรียมโครงสร้างพื้นฐานวิทย์-เทคโน เดินหน้าพัฒนา AI ผลิตกำลังคนทักษะสูงแบบมุ่งเป้า รับมือความท้าทายและสร้างโอกาสใหม่ให้ประเทศ
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมเสวนาในหัวข้อ “การเลื่อนระดับเพื่อโอกาสและความท้าทายของวิศวกรไทยต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ” ร่วมกับ ดร.วิกรม วัชรคุปต์ กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คุณพรรคพงษ์ วังรัตนโสภณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานโอเลฟินส์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จํากัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ ชโลธร Director-Manufacturing Technology and Director-Digital บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จํากัด (มหาชน) และ ศ.ดร.อัญชลีพร วาริทสวัสดิ์ หล่อทองคํา ประธานอนุกรรมการ สาขาวิศวกรรมเคมี จัดโดยสภาวิศวกร ณ ห้องสัมมนา ชั้น 5 อาคารที่ทำการสภาวิศวกร (ซอยลาดพร้าว 54) และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยโปรแกรม Cisco Webex
ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีหลักสูตรด้านวิศวกรรมศาสตร์รวมทั้งสิ้น 1,721 หลักสูตร ประกอบด้วยระดับปริญญาตรี 1,073 หลักสูตร, ปริญญาโท 417 หลักสูตร, ปริญญาเอก 223 หลักสูตร และระดับอื่นๆ 8 หลักสูตร สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของสาขาวิชานี้ต่อการพัฒนาประเทศ แนวโน้มจำนวนผู้เรียนในระดับปริญญาตรีมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 145,854 คนในปีการศึกษา 2563 เป็น 160,230 คน ในปีการศึกษา 2567 ขณะที่ระดับปริญญาโทและเอกยังคงมีความต้องการบุคลากรเฉพาะทาง โดยมีผู้เรียน 8,377 คน และ 2,379 คน ตามลำดับในปี 2567 สำหรับ 5 อันดับสาขาวิชาด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่มีจำนวนผู้เรียนสูงสุดในปีการศึกษา 2567 (รวมทุกระดับ) ได้แก่ วิศวกรรมโยธา (23,218 คน), วิศวกรรมไฟฟ้า (21,981 คน), วิศวกรรมเครื่องกล (17,087 คน), วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (14,216 คน) และวิศวกรรมอุตสาหการ (13,156 คน) ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในภาพรวม
ปลัดกระทรวง อว. กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาถึงบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา (ยอดรวมปี 2564-2566) และอัตราการมีงานทำ พบว่า 5 อันดับแรก ได้แก่ วิศวกรรมไฟฟ้า (บัณฑิต 12,568 คน, มีงานทำ 76.89%), วิศวกรรมเครื่องกล (บัณฑิต 9,518 คน, มีงานทำ 75.42%), วิศวกรรมอุตสาหการ (บัณฑิต 7,710 คน, มีงานทำ 78.61%), วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (บัณฑิต 6,644 คน, มีงานทำ 74.82%) และวิศวกรรมเคมี (บัณฑิต 3,083 คน, มีงานทำ 69.87%) ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าบัณฑิตวิศวกรรมยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ทั้งสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การเกิดขึ้นของ "อุตสาหกรรมใหม่" การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่เหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ กำลังคนทักษะสูง การพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ และการผลักดันให้เกิดการแตกหน่อธุรกิจจากเทคโนโลยีเชิงลึก หรือ Deep Tech spin-off
ศ.ดร.ศุภชัย ยังกล่าวอีกว่า การสร้าง Deep Tech spin-off ไม่ได้เกิดโดยธรรมชาติ แต่ต้องอาศัยการวางแผนและผลักดันจากภาครัฐ เพื่อรับมือกับความท้าทายและสร้างโอกาสใหม่ ๆ กระทรวง อว. จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์การเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่เป็นของตนเอง ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ในการขับเคลื่อนอุดมศึกษา โดยกระทรวง อว. จะดำเนินนโยบายจากส่วนกลาง และอำนวยความสะดวกผ่านกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์และการเรียนรู้จากโครงงาน ผลิตกำลังคนแบบมุ่งเป้าในสาขาสำคัญ เช่น AI, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), เซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีสุขภาพ ผลักดันให้มีโครงการด้าน AI ในทุกหลักสูตร และจัดตั้ง AI Lab เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนในทุกมหาวิทยาลัย ส่งเสริมการแตกหน่อธุรกิจและสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก สนับสนุนสถาบันวิจัยในสังกัดกระทรวง อว. ให้มีบทบาทในการผลิตกำลังคนทักษะสูงเพิ่มมากขึ้น กำหนดตัวชี้วัดร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปรับเปลี่ยนวิธีการจัดสรรทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก
“กระทรวง อว. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบนิเวศทางการศึกษาและวิจัยเพื่อสร้างบุคลากรที่มีทักษะสูงตอบโจทย์อุตสาหกรรมใหม่และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล การปรับตัวและการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับวิศวกรไทยในการเผชิญความท้าทายและคว้าโอกาสในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ เราเชื่อมั่นว่าด้วยยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน จะสามารถยกระดับศักยภาพของวิศวกรไทยให้พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน” ปลัดกระทรวง อว. กล่าว
ข่าว : นางสาวศิริลักษณ์ สิกขะบูรณะ
ขอขอบคุณภาพจากสภาวิศวกร
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3700
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
Call Center 1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.