"อว. เผยฉีดวัคซีนของ ...

"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 84,094,565 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,430 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 583.3 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (111.7%)
     ➡️(13 พฤศจิกายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,430 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 33.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 437 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 195 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
      ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 583.3 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (86% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 213.1 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 84,094,565 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.90%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,430 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 84,094,565 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 45,069,302 โดส (68.1% ของประชากร)
-เข็มสอง 36,281,904 โดส (54.8% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,743,359 โดส (4.1% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 13 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 84,094,565 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 773,944 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 652,370 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,030,787 โดส
- เข็มที่ 2 3,538,909 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 11,225,008 โดส
- เข็มที่ 2 23,565,478 โดส
- เข็มที่ 3 2,140,197 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,028,005 โดส
- เข็มที่ 2 6,257,612 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 4,785,502 โดส
- เข็มที่ 2 2,919,905 โดส
- เข็มที่ 3 603,162 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.7% เข็มที่2 120.2% เข็มที่3 93.3%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 60.1% เข็มที่3 17.4%
- อสม เข็มที่1 76.9% เข็มที่2 72% เข็มที่3 14.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 71.3% เข็มที่1 61.7% เข็มที่3 3.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 59.5% เข็มที่2 46.4% เข็มที่3 2.9%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.7% เข็มที่2 58.1% เข็มที่3 0.8%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 17.5% เข็มที่2 13.4% เข็มที่3 0.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 40.7% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 62.6% เข็มที่2 50.4% เข็มที่3 3.8%

5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 111.7% เข็มที่2 94% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.7% เข็มที่2 69.6%
2. ชลบุรี เข็มที่1 85.6% เข็มที่2 74.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 70.7%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 85.4% เข็มที่2 79.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.2% เข็มที่2 69.8%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 77.5% เข็มที่2 62.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 93.3% เข็มที่2 83.1%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 52.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.4% เข็มที่2 63.2%
6. ระนอง เข็มที่1 70.8% เข็มที่2 59.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 71%
7. พังงา เข็มที่1 70.3% เข็มที่2 62.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 70.2%
8. กระบี่ เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 54% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.6% เข็มที่2 68.4%
9. ระยอง เข็มที่1 67% เข็มที่2 53.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.1% เข็มที่2 59%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 65.9% เข็มที่2 43.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.3% เข็มที่2 64.8%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 53.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.7% เข็มที่2 62.8%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 62.6% เข็มที่2 53.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 59.8%
13. ตราด เข็มที่1 62.1% เข็มที่2 49.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.6% เข็มที่2 59.7%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 58.2% เข็มที่2 47% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.4% เข็มที่2 59.5%
15. เลย เข็มที่1 53.4% เข็มที่2 40.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.9% เข็มที่2 55%
16. อุดรธานี เข็มที่1 53.2% เข็มที่2 41.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79% เข็มที่2 67.9%
17. หนองคาย เข็มที่1 50.4% เข็มที่2 42.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.2% เข็มที่2 60.4%
รวม เข็มที่1 83.2% เข็มที่2 68.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.6% เข็มที่2 67.4%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 583,393,830 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 213,128,276 โดส (47%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 96,557,452 โดส (65.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 84,094,565 โดส (68.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 69,028,113 โดส (34%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 51,077,813 (78.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,264,089 โดส (83.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 23,010,754 โดส (25.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,464,691 โดส (47.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 673,578 โดส (85.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.26%
2. ยุโรป 10.53%
3. อเมริกาเหนือ 9.47%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.28%
5. แอฟริกา 2.83%
6. โอเชียเนีย 0.63%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,364.03 ล้านโดส (168.9% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,114.40 ล้านโดส (81.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 437.35 ล้านโดส (131.7%)
4. บราซิล จำนวน 282.99 ล้านโดส (134.7%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 213.13 ล้านโดส (77.3%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (234.4%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. มัลดีฟส์ (203% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. ชิลี (202.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (200%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. อุรุกวัย (190.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (190%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (177%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (174.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (173.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand