เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้ข้อมูลการนำงานวิจัยสู่การเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ และบทบาทของกระทรวง อว. ในการขับเคลื่อนนโยบายวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศและลดความเหลื่อมล้ำ ใน Exclusive Media Group Interview "มุมมองเชิงลึกผ่านเลนส์งานวิจัย: จากข้อมูลสู่การเปลี่ยนแปลงและความร่วมมือเพื่อการลดความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน” ในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2028)" โดยมี นายสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) นางสาวธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัทกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด มหาชน (กัลฟ์) ดร.เพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการด้านบริหารจัดการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) (สวพส.) นายชาญชัย ทรัพย์ประมาณ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านมอโก้โพคี ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก นายอภิชาต พนารัตน์ธารา ผู้ใหญ่บ้าน บ้านดอกไม้สด ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ในฐานะผู้นำชุมชน และสื่อมวลชนเข้าร่วม ณ ห้อง Lotus Suite 12 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร
นางสาวศุภมาส กล่าวว่า “งานวิจัยไทย” ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในแวดวงวิชาการหรือห้องแล็บเท่านั้น แต่สามารถจับต้องได้จริงในชีวิตของประชาชน ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับโจทย์ที่ซับซ้อน ทั้งเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวน สังคมสูงวัย และความเหลื่อมล้ำ ดังนั้น งานวิจัยและนวัตกรรม จึงต้องเป็นมากกว่าการสร้างองค์ความรู้ โดยต้องกลายมาเป็น "เครื่องมือที่เข้าถึงประชาชน" และ "เป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ" กระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยง "งานวิจัย" เข้ากับ "ชีวิตจริง" ผ่าน 3 แนวทางสำคัญ คือ (1) งานวิจัยต้องออกจากห้องแล็บ ซึ่งงานวิจัยที่ดี ควรจับต้องได้ เข้าถึงทุกพื้นที่ เช่น เทคโนโลยีเพื่อผู้สูงวัยในชนบท ระบบเรียนรู้ในพื้นที่ห่างไกล หรือองค์ความรู้ทางเกษตร ที่ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (2) นโยบายต้องตั้งอยู่บนข้อมูลจริง ให้ความสำคัญกับการใช้ฐานข้อมูลและผลวิจัยที่เชื่อถือได้ในการกำหนดนโยบาย เพราะการแก้ปัญหา ต้องเริ่มจากความเข้าใจบริบทของพื้นที่และประชาชนอย่างลึกซึ้ง และ (3) ทุกภาคส่วนต้องเดินไปด้วยกัน ระบบนิเวศวิจัยจะเกิดขึ้นได้ จากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนักวิจัย ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และผู้กำหนดนโยบาย
นางสาวศุภมาส กล่าวต่อว่า ผลงานวิจัยที่เป็นที่ประจักษ์อีกหนึ่งผลงานคือ "โครงการพลังงานสะอาดเชื่อมเครือข่ายเพื่อคนไทย" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สวพส. และ ภาคเอกชน ซึ่งก็คือ AIS และกัลฟ์ ที่ได้นำพลังงานแสงอาทิตย์และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปเชื่อมต่อโอกาสให้กับชุมชนห่างไกล โครงการนี้ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ลดการเผาป่า เปิดโอกาสการเข้าถึงการศึกษารูปแบบออนไลน์ และเพิ่มประสิทธิภาพบริการสาธารณสุข โดยทุก 1 บาทที่ลงทุน สร้างผลตอบแทนทางสังคมถึง 2.37 บาท นี่คือตัวอย่าง "งานวิจัยที่ออกจากห้องแล็บ" และกลายมาเป็นเครื่องมือพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง" โครงการนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การวิจัยและนวัตกรรม คือภารกิจร่วมของเรา ที่จะทำให้คนไทยทุกคน ได้มีโอกาสเข้าถึงพลังงานเทคโนโลยี และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียม
”งานวิจัย ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และวิทยาศาสตร์ ก็ไม่ใช่เรื่องของอนาคตเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือ ที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ สร้างโอกาสที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและเป็นกำลังสำคัญสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน“ รมว.อว. กล่าว
ทำข่าว : นางสาวพรชิตา รุกขชาติ
ถ่ายภาพ : นายสุรกิจ แก้วมรกต
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3700
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
Call Center
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.